ประเภทของที่ดินในประเทศไทย

ที่ดินในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

ที่ดินของรัฐ : ตามประมวกฎหมายที่ดินมาตรา 2 ระบุไว้วว่า เป็นที่ดินที่ไม่ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้ถือว่าเป็นของรัฐ และเป็นที่ดินที่อยู่ในการดูแลของหน่วยงานราชการ เช่น

 1. ที่ป่าไม้ มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีอำนาจดูแล เช่น กรมป่าไม้ มีอำนาจดูแลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีอำนาจหน้าที่ดูแลอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2546 พระราชบัญญัติงาช้าง 2558

2. ที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ที่ ส.ป.ก.) มีสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518

3. ที่นิคมสร้างตนเอง มีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511

4. ที่ราชพัสดุ มีกรมธนารักษ์เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518

5. ที่ทางหลวง มีกรมทางหลวงเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535

6. ที่แม่น้ำ มีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546

7. ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งหมายรวมถึงที่สาธารณประโยชน์และที่ดินรกร้างว่างเปล่า มีกรมการปกครองร่วมกับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2551)

ประเภทที่ดินของประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือที่ดินของรัฐ และ ที่ดินของเอกชน

ที่ดินของเอกชน : ที่ดินที่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลสามารถเป็นเจ้าของได้ตามกฎหมาย โดยมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินเป็นหลักฐาน เช่น โฉนดที่ดิน โฉนดตราจอง หรือตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินผืนนั้น

ลักษณะเด่นของที่ดินเอกชน:

โดยทั่วไปแล้ว ที่ดินเอกชนจะแบ่งตามประเภทของเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ดังนี้

ที่ดินที่มีโฉนด: เป็นที่ดินที่มีความชัดเจนในเรื่องกรรมสิทธิ์มากที่สุด สามารถซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ที่ดินที่มีโฉนดตราจอง: เป็นที่ดินที่ได้ทำการจองซื้อจากรัฐ แต่ยังไม่ได้ออกโฉนด สามารถนำไปโอนกรรมสิทธิ์ได้

ที่ดินที่มีตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว”: เป็นที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปครอบครองและทำประโยชน์ แต่ยังไม่ได้ออกโฉนด

การนำที่ดินเอกชนไปใช้ประโยชน์:

เจ้าของที่ดินเอกชนสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น

สร้างบ้านพักอาศัย: สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อปล่อยให้เช่า

สร้างอาคารพาณิชย์: สร้างอาคารเพื่อใช้ประกอบธุรกิจ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม

ทำการเกษตร: ปลูกพืชผลทางการเกษตร เลี้ยงสัตว์

ขายที่ดิน: ขายที่ดินเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์

จำนองที่ดิน: นำที่ดินไปจำนองเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับที่ดินเอกชน

  • ก่อนทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ควรตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ให้ละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าที่ดินนั้นไม่มีปัญหาทางกฎหมาย
  • เจ้าของที่ดินต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามที่กฎหมายกำหนด
  • ที่ดินบางแปลงอาจมีข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ตามกฎหมาย เช่น ที่ดินที่อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ เป็นต้น

อ่านสาระความรู้เพิ่มเติมเรื่องที่ดินต่อ

วิธีสร้างรายได้จากที่ดินว่างเปล่า >> คลิกเพื่ออ่าน

ข้อควรระวังในการซื้อขายที่ดิน >> คลิกเพื่ออ่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *